ช็อกโลก! "แยงกี้" สหรัฐฯ ประกาศศักดาผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ หน้าตาเฉย ด้วยการพลิกเอาชนะ "กระทิงดุ" สเปน แบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน 2-0 และเป็นการหยุดสถิติชนะติดต่อกันรวมทั้งสถิติไม่แพ้ใครมายาวนานของแชมป์ยุโรปลงราบคาบ ฟุตบอล คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2009 รอบรองชนะเลิศ สเปน 0 - 2 สหรัฐอเมริกา "ทัพกระทิงดุ" สเปน กวาดชัยเรียบวุธทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ. ของคอนเฟด 2009 ยิงได้ 8 ประตู และ ไม่เสียเลย โดยเกมล่าสุดปราบ แอฟริกาใต้ มา 2-0 ทำให้สเปน สร้างสถิติโลกใหม่ด้วยการชนะ 15 นัดติดต่อกันในระดับชาติ อีกทั้งทำสถิติไม่แพ้ใครมา 35 นัดติดต่อกันแล้ว เทียบเท่ากับสถิติเดิมของทีมชาติบราซิล ที่เคยทำไว้ระหว่างปี 1993-96
เกมนี้ได้ตัว อีเกร์ กาซียาส นายทวารมือหนึ่งและกัปตันทีมชุดนี้ กลับมาลงเฝ้าเสาอีกครั้ง หลังจากได้พักในรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย เช่นเดียวกับ เซร์คิโอ รามอส แบ็กขวาจอมบุกและ โจน กัปเดบีล่า แบ็คซ้าย รวมทั้ง ชาบี อลอนโซ่ กองกลางตัวรับอีกราย ส่วนคู่หัวหอกนั้นจัดจ้านเหลือกำลัง เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ ดาบิด บีย่า ที่ทำไปคนละ 3 ประตูแล้วในรายการนี้ ลงสังหารตาข่าย
ทางด้าน "พญาอินทรี" สหรัฐอเมริกา ได้ตัว คาร์ลอส โบกาเนกร้า กองหลังกัปตันทีมกลับมาเป็นตัวจริง โดย แลนดอน โดโนแวน ยืนทำเกมรุกทางกราบซ้ายพร้อมให้ ชาร์ลี เดวี่ส์ ขึ้นมายืนหน้าคู่กับ โจซี่ อัลติดอร์ หัวหอกดาวรุ่งของทีม
เปิดฉากครึ่งแรกได้แค่ 5 นาที แลนดอน โดโนแวน กองหน้าของสหรัฐ โดนใบเหลืองไปเป็นคนแรก หลังจากไปเสียบ ชาบี อลอนโซ่ ของสเปน สองนาทีต่อมา สหรัฐอเมริกา เริ่มเกมได้วูบวาบทีเดียว คลิ้นท์ เดมป์ซี่ย์ โยนจากซ้ายเข้ามาให้กับ ชาร์ลี เดวิส ตีลังกายิงบอลหลุดเสาออกไปได้ลุ้นทีเดียว
พญาอินทรี ชักได้ใจบุกใส่เป็นการใหญ่ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ สับไกเรียดบอลหลุดเสาออกไปในนาทีที่ 9 นาทีเดียวกันนั้น สเปน บุกขึ้นมาบ้าง ชาบี อลอนโซ่ เปิดต่อให้กับ ชาบี เอร์นานเดซ เปิดต่อไปที่ ดาบิด บีย่า ทางด้านขวา ก่อนไหลกลับหลังให้กับ เชส ฟาเบรกาส ซัดข้ามคานไป
เกมของกระทิงดุ ดีขึ้นเล็กน้อย โจน กัปเดบีล่า เติมขึ้นมาทางปีกซ้ายแล้วจ่ายสั้นๆให้ อัลเบิร์ต ริเอร่า เปิดมาเสาสองให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ชาร์จข้ามคานในนาทีที่ 11 หลังจากนั้น สหรัฐอเมริกา ทำได้ดีมีโอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 21 แลนดอน โดโนแวน ลากบอลจากจังหวะโต้กลับเร็วจี้เข้าหากรอบเขตโทษ แล้วยิงเองบอลออกไปน่าผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกา ได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 27 จากจังหวะที่ คลิ้นท์ แลมพ์ซี่ย์ จ่ายบอลขึ้นหน้าให้ โจซี่ อัลทิดอร์ บังบอลไม่ให้ โจน กัปเดบีล่า แบ็คซ้ายกระทิงดุเข้าถึง ก่อนหลุดเข้าไปยิงด้วยขวาบอลพุ่งผ่าน อีเกร์ กาซิยาส นายทวารทีมชาติสเปน ปัดได้แล้วแต่บอลยังชนเสาเข้าไปช่วยให้ พญาอินทรี นำก่อน 1-0 และเป็นการเสียประตูแรกของสเปนในรายการนี้ด้วย
สเปนเกือบตีเสมอได้ในนาทีที่ 32 อัลเบิร์ต ริเอร่า จ่ายบอลแรงแฉลบขา ตอร์เรส มาเข้าทาง ดาบิด บีย่า ในเขตโทษแต่ดาวยิงจากบาเลนเซียซัดข้ามคานออกไป นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงสเปนโชว์สเต็ปเลี้ยงผ่านกองหลัง ก่อนจะล็อกมายิงหักข้อด้วยซ้ายไปติด ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารสหรัฐเซฟไว้ได้ที่เสาแรก ครบ 45 นาที สหรัฐ นำก่อน 1-0
มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้ 3 นาที สเปน น่าจะตีเสมอได้ เมื่อ ดาบิด บีย่า ยิงเต็มหลังเท้าเล่นเอา ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารของสหรัฐพุ่งปัดออกไป จากลูกเตะมุม ชาบี อลอนโซ่ ได้ตะบันริมกรอบเขตโทษด้วยขวาบอลข้ามคานไป ขยับมาถึงนาทีที่ 54 สเปน เกือบได้จุดโทษเมื่อ เชสก์ ฟาเบรกาส จ่ายบอลข้ามแผงหลังสหรัฐมาให้กับ ชาบี เอร์นานเดซ หลุดเข้าไปโดน โดโนแวน กระแทกแต่ผู้ตัดสินชาวอุรุกวัย ทำเฉยให้เล่นต่อไป
หนึ่งชั่วโมงของเกม ดาบิด บีย่า ดาวยิงของทัพกระทิงดุ ลากบอลเข้าไปซัดปลิวออกข้างไป สเปน น่าจะได้อีกครั้งในนาทีที่ 65 เมื่อ เซร์คิโอ รามอส ดันขึ้นมายิงด้วยขวา แต่ว่าโดน ริคาร์โด้ คล้าร์ก กองกลางสหรัฐ ตามมาทิ้งตัวบล็อคเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด สามนาทีต่อมา แชมป์ยูโร 2008 เปลี่ยนเอา ซานติ กาซอร์ล่า ลงมาเล่นแทน เชสก์ ฟาเบรกาส ส่วน สหรัฐ ให้ เบนนี่ ไฟล์ฮาเบอร์ ลงมาเล่นแทน ชาร์ลี เดวิส
อย่างไรก็ตาม สหรัฐ มาได้ประตูหนีห่างในนาทีที่ 73 จากจังหวะโต้กลับเร็วขึ้นมาบอลมาถึง แลนดอน โดโนแวน ทางด้านขวาตวัดเรียดเข้ากลางทันทีบอลแฉลบ ปิเก้ ไปถึง เซร์คิโอ รามอส กองหลังสเปนจับบอลไม่ดีกลายเป็นตั้งให้กับ คลิ้นท์ เดมพ์ซี่ย์ ล้มตัวตวัดด้วยขวาเข้าประตูไปให้ สหรัฐ นำ 2-0 แล้ว
ท้ายเกมนาทีที่ 79 สเปน ลุยแหลกได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ ดาบิด บีย่า ยิงโค้งเข้ากรอบ ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารแยงกี้ไม่พลาดรับไว้ได้ เวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม 90 นาที สหรัฐอเมริกา พลิกล็อคเอาชนะ สเปน ไปได้ 2-0 ผงาดเข้าไปชิงชนะเลิศกับผู้ชนะระหว่าง บราซิล หรือ แอฟริกาใต้ ในวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน ที่ โยฮันเนสเบิร์ก ส่วน สเปน ไปชิงอันดับสามกับผู้แพ้ระหว่าง บราซิล - แอฟริกาใต้ ที่รุสเท่นเบิร์ก ในวันเดียวกัน
ขณะที่ความพ่ายแพ้ในนัดนี้ทำให้ สเปน ถูกหยุดสถิติความร้อนแรงไว้ที่ชนะ 15 นัดติดต่อกัน และสถิติไม่แพ้ใครของทัพกระทิงดุ หยุดอยู่ที่ 35 นัดเท่ากับ บราซิล ซึ่งเคยทำไว้ระหว่างปี 1993-96
เกมนี้ได้ตัว อีเกร์ กาซียาส นายทวารมือหนึ่งและกัปตันทีมชุดนี้ กลับมาลงเฝ้าเสาอีกครั้ง หลังจากได้พักในรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย เช่นเดียวกับ เซร์คิโอ รามอส แบ็กขวาจอมบุกและ โจน กัปเดบีล่า แบ็คซ้าย รวมทั้ง ชาบี อลอนโซ่ กองกลางตัวรับอีกราย ส่วนคู่หัวหอกนั้นจัดจ้านเหลือกำลัง เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ ดาบิด บีย่า ที่ทำไปคนละ 3 ประตูแล้วในรายการนี้ ลงสังหารตาข่าย
ทางด้าน "พญาอินทรี" สหรัฐอเมริกา ได้ตัว คาร์ลอส โบกาเนกร้า กองหลังกัปตันทีมกลับมาเป็นตัวจริง โดย แลนดอน โดโนแวน ยืนทำเกมรุกทางกราบซ้ายพร้อมให้ ชาร์ลี เดวี่ส์ ขึ้นมายืนหน้าคู่กับ โจซี่ อัลติดอร์ หัวหอกดาวรุ่งของทีม
เปิดฉากครึ่งแรกได้แค่ 5 นาที แลนดอน โดโนแวน กองหน้าของสหรัฐ โดนใบเหลืองไปเป็นคนแรก หลังจากไปเสียบ ชาบี อลอนโซ่ ของสเปน สองนาทีต่อมา สหรัฐอเมริกา เริ่มเกมได้วูบวาบทีเดียว คลิ้นท์ เดมป์ซี่ย์ โยนจากซ้ายเข้ามาให้กับ ชาร์ลี เดวิส ตีลังกายิงบอลหลุดเสาออกไปได้ลุ้นทีเดียว
พญาอินทรี ชักได้ใจบุกใส่เป็นการใหญ่ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ สับไกเรียดบอลหลุดเสาออกไปในนาทีที่ 9 นาทีเดียวกันนั้น สเปน บุกขึ้นมาบ้าง ชาบี อลอนโซ่ เปิดต่อให้กับ ชาบี เอร์นานเดซ เปิดต่อไปที่ ดาบิด บีย่า ทางด้านขวา ก่อนไหลกลับหลังให้กับ เชส ฟาเบรกาส ซัดข้ามคานไป
เกมของกระทิงดุ ดีขึ้นเล็กน้อย โจน กัปเดบีล่า เติมขึ้นมาทางปีกซ้ายแล้วจ่ายสั้นๆให้ อัลเบิร์ต ริเอร่า เปิดมาเสาสองให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ชาร์จข้ามคานในนาทีที่ 11 หลังจากนั้น สหรัฐอเมริกา ทำได้ดีมีโอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 21 แลนดอน โดโนแวน ลากบอลจากจังหวะโต้กลับเร็วจี้เข้าหากรอบเขตโทษ แล้วยิงเองบอลออกไปน่าผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกา ได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 27 จากจังหวะที่ คลิ้นท์ แลมพ์ซี่ย์ จ่ายบอลขึ้นหน้าให้ โจซี่ อัลทิดอร์ บังบอลไม่ให้ โจน กัปเดบีล่า แบ็คซ้ายกระทิงดุเข้าถึง ก่อนหลุดเข้าไปยิงด้วยขวาบอลพุ่งผ่าน อีเกร์ กาซิยาส นายทวารทีมชาติสเปน ปัดได้แล้วแต่บอลยังชนเสาเข้าไปช่วยให้ พญาอินทรี นำก่อน 1-0 และเป็นการเสียประตูแรกของสเปนในรายการนี้ด้วย
สเปนเกือบตีเสมอได้ในนาทีที่ 32 อัลเบิร์ต ริเอร่า จ่ายบอลแรงแฉลบขา ตอร์เรส มาเข้าทาง ดาบิด บีย่า ในเขตโทษแต่ดาวยิงจากบาเลนเซียซัดข้ามคานออกไป นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงสเปนโชว์สเต็ปเลี้ยงผ่านกองหลัง ก่อนจะล็อกมายิงหักข้อด้วยซ้ายไปติด ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารสหรัฐเซฟไว้ได้ที่เสาแรก ครบ 45 นาที สหรัฐ นำก่อน 1-0
มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้ 3 นาที สเปน น่าจะตีเสมอได้ เมื่อ ดาบิด บีย่า ยิงเต็มหลังเท้าเล่นเอา ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารของสหรัฐพุ่งปัดออกไป จากลูกเตะมุม ชาบี อลอนโซ่ ได้ตะบันริมกรอบเขตโทษด้วยขวาบอลข้ามคานไป ขยับมาถึงนาทีที่ 54 สเปน เกือบได้จุดโทษเมื่อ เชสก์ ฟาเบรกาส จ่ายบอลข้ามแผงหลังสหรัฐมาให้กับ ชาบี เอร์นานเดซ หลุดเข้าไปโดน โดโนแวน กระแทกแต่ผู้ตัดสินชาวอุรุกวัย ทำเฉยให้เล่นต่อไป
หนึ่งชั่วโมงของเกม ดาบิด บีย่า ดาวยิงของทัพกระทิงดุ ลากบอลเข้าไปซัดปลิวออกข้างไป สเปน น่าจะได้อีกครั้งในนาทีที่ 65 เมื่อ เซร์คิโอ รามอส ดันขึ้นมายิงด้วยขวา แต่ว่าโดน ริคาร์โด้ คล้าร์ก กองกลางสหรัฐ ตามมาทิ้งตัวบล็อคเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด สามนาทีต่อมา แชมป์ยูโร 2008 เปลี่ยนเอา ซานติ กาซอร์ล่า ลงมาเล่นแทน เชสก์ ฟาเบรกาส ส่วน สหรัฐ ให้ เบนนี่ ไฟล์ฮาเบอร์ ลงมาเล่นแทน ชาร์ลี เดวิส
อย่างไรก็ตาม สหรัฐ มาได้ประตูหนีห่างในนาทีที่ 73 จากจังหวะโต้กลับเร็วขึ้นมาบอลมาถึง แลนดอน โดโนแวน ทางด้านขวาตวัดเรียดเข้ากลางทันทีบอลแฉลบ ปิเก้ ไปถึง เซร์คิโอ รามอส กองหลังสเปนจับบอลไม่ดีกลายเป็นตั้งให้กับ คลิ้นท์ เดมพ์ซี่ย์ ล้มตัวตวัดด้วยขวาเข้าประตูไปให้ สหรัฐ นำ 2-0 แล้ว
ท้ายเกมนาทีที่ 79 สเปน ลุยแหลกได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ ดาบิด บีย่า ยิงโค้งเข้ากรอบ ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารแยงกี้ไม่พลาดรับไว้ได้ เวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม 90 นาที สหรัฐอเมริกา พลิกล็อคเอาชนะ สเปน ไปได้ 2-0 ผงาดเข้าไปชิงชนะเลิศกับผู้ชนะระหว่าง บราซิล หรือ แอฟริกาใต้ ในวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน ที่ โยฮันเนสเบิร์ก ส่วน สเปน ไปชิงอันดับสามกับผู้แพ้ระหว่าง บราซิล - แอฟริกาใต้ ที่รุสเท่นเบิร์ก ในวันเดียวกัน
ขณะที่ความพ่ายแพ้ในนัดนี้ทำให้ สเปน ถูกหยุดสถิติความร้อนแรงไว้ที่ชนะ 15 นัดติดต่อกัน และสถิติไม่แพ้ใครของทัพกระทิงดุ หยุดอยู่ที่ 35 นัดเท่ากับ บราซิล ซึ่งเคยทำไว้ระหว่างปี 1993-96
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น